ตั้งค่า SEO บน WordPress

Posted byHappio Team Posted onApril 20, 2019 Comments0
SEO cover img

ทุกคนที่ทำ website คงรู้ว่าอันดับในหน้าผลการค้นหาของ Search Engine นั้นสำคัญ เพราะเดี๋ยวนี้เวลาคนสงสัยอะไรก็มักจะถาม Google และกด link แรกๆของผลการค้นหาเพื่อจะได้คำตอบ ปัจจัยหลักของการทำให้ website ติดอันดับแรกๆบนหน้านั้น (โดยไม่ซื้อ Ad) ก็คือเนื้อหาที่มีคุณภาพ แต่ถ้านักพัฒนา website ไม่ได้ตั้งค่า website ให้รองรับการทำ SEO แล้ว website ที่มี content คุณภาพก็อาจจะไม่ติดอันดับที่ดีเท่าที่ควร วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงการ ตั้งค่า SEO บน WordPress เพราะ WordPress เป็น CMS ที่มีคนเลือกใช้มากที่สุด และรองรับ SEO

มาเริ่มกันเลย ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่าการทำ SEO นั้นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

  • On-Page SEO คือ SEO ที่เกี่ยวกับปัจจัยภายใน website ของเราเอง
  • Off-Page SEO คือ SEO ที่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอก website ของเรา

โดยการจะทำให้ SEO บน website เราให้มีประสิทธิภาพก็ควรจะทำทั้ง On-Page และ Off-Page นะ

On-Page SEO

มาพูดถึง On-Page SEO กันก่อน แน่นอนว่าปัจจัยภายใน website เราเองเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้มากกว่าปัจจัยภายนอกอยู่แล้ว สิ่งสำคัญเลยก็คือเรื่องเนื้อหา ของ website ซึ่งก่อนที่เราจะเขียนเนื้อหาในแต่ละหน้าบน website นั้นเราก็ควรจะคิดก่อนว่า keyword หลักของหน้านี้คืออะไร เราต้องการจะเขียนถึงอะไร เพื่อที่เวลาคนใช้ keyword นี้ในการ search Google จะได้ขึ้น page ของเรา เช่น ถ้าทำ website ขายกุ้งแห้ง เราก็อาจจะเขียน blog โดยใช้ keyword ว่า กุ้งแห้งสะอาดถูกหลักอนามัย เพื่อให้คนที่ Search หาซื้อกุ้งแห้งบน Google เจอ blog ของเรา

เมื่อได้ Keyword ของแต่ละหน้าแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงต่อไปก็คือ

1. Title and URL Slug

WordPress Title and Slug Setup

ชื่อบทความเป็นอย่างแรกที่คนจะเห็น เราควรใช้ keyword ที่เราเลือกมาตั้งชื่อให้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาโดยรวม และให้น่าสนใจ เพื่อให้คนคลิกเข้ามาอ่าน นอกจากนี้ WordPress จะแปลงชื่อบทความเป็น URL Slug ด้วย Slug ก็คือส่วนที่แสดงใน URL เพื่อบอกว่า URL นี้เกี่ยวข้องกับอะไร ใน WordPress ถ้าเราตั้งชื่อบทความเป็นภาษาไทย Slug ก็จะเป็นภาษาไทยด้วย เช่น ตามรูปด้านบน Slug ก็คือ “ตั้งค่า-seo-บน-wordpress” ซึ่งเราควรตั้งชื่อ และเปลี่ยน slug ให้เป็นภาษาอังกฤษด้วย เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย

2. Heading

WordPress Heading Selection

การใช้ Heading ในหัวข้อย่อยของบทความ เป็นการเน้นให้รู้เนื้อหาย่อยของบทความ WordPress theme มักจะใช้ Heading1 หรือ <h1> กับชื่อบทความ เพราะฉะนั้นสำหรับหัวข้อย่อยเราควรใช้ Heading2 หรือ <h2> และถ้ามีหัวข้อย่อยมากกว่านั้นก็ใช้ Heading3 หรือ <h3> ตามลำดับ

3. Images

WordPress Image Detail Setup

นอกจากตัวหนังสือแล้วในบทความควรมีภาพประกอบ เพื่อให้คนอ่านเห็นภาพมากขึ้น และเพื่อให้บอทของ Google สามารถเข้าใจความหมายของรูปภาพได้ เราเลยต้องใส่ Alternative text หรือ Alt text การใส่ Alt ควรเขียนให้ครอบคลุมความหมายของภาพนั้น โดยปกติ Alt จะไม่แสดงให้เห็นบน website แต่จะใช้แสดงเวลาที่ website ไม่สามารถโหลดรูปได้ และใช้แทนความหมายของภาพใน screen reader สำหรับคนตาบอด

ส่วนรายละเอียดอื่นอย่าง Caption นั้นจะแสดงใต้รูปภาพ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ มักจะใช้ในกรณีที่ต้องการอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปนั้น เช่น อธิบายใต้รูปงาน event เพื่อบอกว่าในรูปมีใครบ้าง หรือ อธิบายภาพประวัติศาสตร์โดยเล่าถึง context ของรูป
ส่วน Title นั้นไม่ได้มีผลกับ SEO แต่จะใช้เพื่อให้สามารถหารูปภาพนี้ใน website ได้ง่ายขึ้นผ่านการ search ใน Media ของ WordPress

อีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงคือ ขนาดไฟล์ ยิ่งไฟล์ใหญ่ยิ่งทำให้หน้า website โหลดนานและไม่ดีต่อคะแนน SEO

4. Link

WordPress Link Setup

ถ้าต้องการอ้างถึงข้อมูลที่ website อื่นหรือหน้าอื่นใน website เดียวกันก็ตาม ควรใช้ Link Text แทนการแปะ URL เพียวๆ เช่น บทความHappio ดีกว่า https://blog.happioteam.com การใส่ Link Text จะช่วยให้ทั้งคนที่อ่าน และ บอทเข้าใจความหมายของ Link นั้น

Off-Page SEO

ต่อมาเป็นเรื่อง Off-Page SEO อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า Off-Page SEO นั้นเป็นปัจจัยภายนอก ซึ่งควบคุมยากกว่า หลักๆ คือการทำให้มี traffic เข้ามาที่ website เราโดยการทำให้มี link จาก website อื่นๆ มาที่ website เราหรือที่เรียกว่า backlinks

แต่การทำ backlinks นั้นเราควรทำ backlinks ที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ว่าเราเอา link ของเราไปแปะที่ website ไหนก็ได้ แต่ควรเป็นการ อ้างถึง website เราจาก website ที่มี content คุณภาพและเกี่ยวข้องกันกับ content ใน website เรา

ซึ่งมีวิธีทำหลายทาง เราอาจจะไปจ้าง content writer ให้เขียน content ที่ website อื่นแล้วอ้างถึง website เรา หรือ ถ้าเรามั่นใจใน content ของเราก็แค่เพิ่มปุ่ม share เมื่อคนอ่านบทความของเราแล้วชอบเค้าก็จะ share ออกไปทำให้ link ของเราไปปรากฎที่อื่นด้วย

ก็จบไปแล้วสำหรับการทำ SEO ทั้ง 2 ประเภท จะเห็นได้ว่า WordPress มีการตั้งค่าที่ช่วยในการทำ SEO มากมาย เพียงแต่เราต้องเข้าใจ และตั้งค่าให้เป็น เพื่อใช้ WordPress ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในบทความหน้าเราจะมาเล่าเกี่ยวกับ SEO Tool และการใช้งานกัน

ฝากติดตาม blog อื่นๆใน Happioteam ด้วยครับ
blog.happioteam.com

Facebook Comments
Category