โอกาสของธุรกิจไทยมัดใจแรงงานเมียนมา – Natty loves Myanmar x Happio
ตอนเด็กๆหลายๆคนคงเคยเรียนวิชาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพม่า หรือ เมียนมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามไทย พม่า หรือ เรื่องทองที่เจดีย์ชเวดากองเป็นทองมาจากกรุงศรี แนทตี้ก็เป็นหนึ่งในเด็กไทยที่โตมากับการได้ยินเรื่องเหล่านี้ ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับประเทศเมียนมา ไม่เคยไป และไม่มีคนที่รู้จักเป็นคนเมียนมา จนกระทั่งเรียนจบ ได้มีโอกาสมาทำงานเป็นนักข่าวภาคภาษาอังกฤษ ช่องอาเซียนทีวี ในเครือเนชั่น และได้รู้จักพม่า หรือ เมียนมามากขึ้น จนเป็นแรงบันดาลใจให้ไปตามหาและทำความรู้จักกับคนเมียนมาคนแรกในชีวิต ที่นำไปสู่การไปเยือนเมียนมาครั้งแรกเมื่อปี 2012 สมัยนั้นเมียนมาเพิ่งเปิดประเทศ มีผู้นำประเทศเป็นพลเรือน (ถึงแม้ว่าจะเป็นทหารเก่าก็ตาม) แต่ยังมีกลิ่นไอ แบบสมัยยังปิดประเทศอยู่ เช่น ไฟฟ้าที่ยังไม่เพียงพอ ทำให้ไฟดับอยู่เรื่อยๆ แท็กซี่ที่เก่าและไม่เปิดแอร์ สัญญาณอินเทอร์เนทยังไม่ดี และจำกัดการใช้ ซิมการ์ดแพงและหายาก แต่ทริปนั้นกลับทำให้แนทตี้มีความคิดเกี่ยวกับประเทศเมียนมาเปลี่ยนไป จะมีกี่ประเทศในอาเซียนกันที่ผู้คนยังใส่ชุดท้องถิ่นในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในยุคปัจจุบัน หรือการยึดถือในขนบธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด การยึดมั่นในศาสนาพุทธ ความอัธยาศัยดี พอบอกว่ามาจากประเทศไทย คนเมียนมาจะคอยช่วยเหลือเราอย่างดี และหลังจากทริปนั้นแนทตี้ก็พยายามหาโอกาสเดินทางไปเมียนมาเพื่อการทำข่าวอยู่ตลอด เพราะเป็นช่วงที่เมียนมากำลังบูมด้านการค้า การลงทุน เป็นที่สนใจของนักธุรกิจ นักลงทุนจากทั่วโลก ช่วงที่ความเจริญหลั่งไหลเข้าเมียนมา พอถึงจุดหนึ่งพบว่าการที่เราเดินทางไปๆมาๆ สูงสุดอยู่ได้ 14 วัน ทำให้เราเห็นมุมมองด้านเดียว ไม่ได้เข้าใจเมียนมาอย่างลึกซึ้งนัก แนทตี้อยากรู้จักเมียนมา และคนเมียนมามากขึ้น อยากเข้าใจในวัฒนธรรม ระบบความคิด พฤติกรรมการบริโภค ต่างๆ เลยตัดสินใจลาออกจากงาน ย้ายถิ่นฐานไปทำงานอยู่ประจำที่เมียนมาในปี 2014 ตั้งแต่ไปอยู่ แนทตี้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง การพัฒนาของประเทศอย่างก้าวกระโดด และการที่คนเมียนมาปรับตัวให้ทันกับโลกยุคสมัยใหม่ ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆได้อย่างรวดเร็ว Lifestyle ที่เปลี่ยนไป จากสังคม…