การตลาดแบบโจโจ้ เทคนิคปั้นแบรนด์ดังข้ามศตวรรษ
“จะทำยังไงให้คนจำเราได้ในยุคที่เทรนด์เปลี่ยนตลอดเวลา?”
เชื่อว่านี่เป็นคำถามที่นักการตลาดหลายคนต้องเจอกับตัวในตอนนี้ จะดันแคมเปญอะไรออกมาก็ละลายหายเข้ากลีบเมฆ ชวนให้ท้อจริงๆ เพราะตอนนี้โลกออนไลน์แทบจะเรียกว่าเป็นตลาดหลักได้อยู่แล้ว พีคสุดๆ จนไม่แปลกที่ใครๆ ก็อยากโดดเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งแบรนด์ใหญ่ แบรนด์เล็ก SMEs ขายเสื้อผ้าต่างๆ ก็ ไหนจะ Content หมาแมว แนวตลก ข่าวดราม่า ซุบซิบดารา แต่เวลาคนเราดันมีเท่าเดิม แน่นอนว่าลำดับความสำคัญของแคมเปญคุณจะต้องอยู่ชั้นล่างของห่วงโซ่อาหารแห่งนี้เป็นแน่ และนี่คือจุดเริ่มต้นของ การตลาดแบบโจโจ้
“ทำการตลาดแบบเดิม ไม่ต่างจากเอาเงินไปละลายเล่น” ตอนนี้ถึงเวลาทำการตลาดแบบโจโจ้แล้วล่ะครับ!!
การตลาดแบบโจโจ้…อิหยังวะ?
ขอเกริ่นสำหรับคนไม่รู้จักโจโจ้กันเล็กน้อย โจโจ้เป็นการ์ตูนต่อสู้+ผจญภัย หากพูดแค่นี้ล่ะก็หลายคนอาจจะคิดถึงดราก้อนบอลหรือวันพีชมากกว่า แต่ความต่างของโจโจ้ไม่ได้อยู่ที่แนวของการ์ตูน แต่เป็นเนื้อหาด้านใน การออกแบบตัวละคร ท่าแอ่นแบบโจโจ้ที่เห็นแล้วแอบปวดหลังแทน รวมไปถึง สแตนด์ หรือเทพพิทักษ์ประจำตัวที่มีพลังโคตรจะโกง และวลีเด็ดๆ อีกเพียบ อย่างเช่น ผู้ใช้สแตนด์จะดึงดูดผู้ใช้สแตนด์ด้วยกัน ไหนจะเสียงปล่อยพลังของแต่ละคนอย่าง โอร่า โอร่า โอร่า หรือ มูดา มูดา มูดา อีก ซึ่งพวกนี้แหละครับ คือจุดที่ทำให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกประหลาดใจไปตามๆ กัน #การตลาดเองก็เช่นกัน
ลองนึกภาพจู่ๆ อีกแบรนด์นึงโผล่เข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ ขายของเหมือนเราเด๊ะ ราคาขายและคุณภาพเท่ากันหมด เราจะทำยังไง? การขายตัดราคาหรือปรับคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้นดูเหมือนจะเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น เพราะถ้าพูดในระยะยาวแม้แต่คนซื้อเองจะต้องปวดหัวแน่ๆ กับการเลือกซื้อของสักชิ้น ประเด็นก็คือสมองคนเรานั้นชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องคิดซับซ้อนครับ เมื่อไหร่ที่อะไรๆ มันยากต่อการตัดสินใจ เมื่อนั้น “ความรู้สึก” จะเข้ามามีบทบาท “ความรู้สึกว่าแบรนด์นี้แตกต่างน่าสนใจ” หรือถ้าจะให้เข้าใจมากขึ้น “การเซอร์ไพรส์ลูกค้า” นั่นเองครับ [คลิกเพื่ออ่านความเดิมตอนที่แล้ว]
อะไรเซอร์ไพรส์ อะไรไม่เซอร์ไพรส์
เราทุกคนชอบการถูกเซอร์ไพรส์ (ในแง่ดีนะ) แต่การถูกเซอร์ไพรส์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นมันไม่จำเป็นต้องแปลกแบบว่า โอโห เล่นใหญ่ใส่ CG เยอะ ออกนอกอวกาศ อะไรขนาดนั้น บางอย่างที่เป็นเรื่องใกล้ตัวธรรมดาๆ ก็ทำให้ลูกค้าเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน เป็นต้นว่า ร้านข้าวมันไก่ที่ไปกินประจำคนขายหน้าบึ้งตลอดเลย แต่วันนี้เราสั่งผิดเป็น “ไข้มันก่าว” คนขายก็หลุดยิ้มออกมาแล้วบอกกับเราว่าเคยมีคนพูดว่า “ไก้มันข่าว” ด้วย กลายเป็นว่าความรู้สึกเขินๆ ตอนนี้กลายเป็นความรู้สึกขำๆ ไปซะแล้ว
[Surprise ≠ Weird อย่าเอาไปปนกัน]
อีกอย่างที่สำคัญ คือ อย่าทำตามคนอื่น เพราะอะไรที่ถูกทำไปแล้ว เราจะไม่เซอร์ไพรส์กับมัน เช่น เพลงแร็ปสไตล์ TS OVER ถ้ามีเจ้าอื่นๆ มาร้องบ้าง เราก็จะยังรู้สึกว่าสไตล์นี้เป็นของ TS OVER ไปแล้ว หรือร้านข้าวมันไก่ข้างๆ พยายามจะขายขำบ้างด้วยการเล่นมุกเดิม ใครจะขำได้ต้องเส้นตื้นพอสมควรเลยนะ
ตัวอย่างเซอร์ไพรส์ที่ดี
1. ธนาคารกรุงศรี
ขึ้นชื่อว่าธนาคาร ภาพลักษณ์การเงิน+เรื่องน่าปวดหัวทั้งหลายเหล่จะเด้งขึ้นมาในหัว ใครจะไปคิดล่ะว่าวันดีคืนดีจะมีมาสคอตบ้าพลัง เต้นดุ๊กดิ๊กให้เราดู ตอกย้ำสโลแกน “กรุงศรี เรื่องเงินเรื่องง่าย” พอคนชอบก็ขอถ่ายรูปติด QR Code ขายของไปอีก
2. Shopee
ใครจะไปคิดว่า Online shopping จู่ๆ จะจ้างนักเตะระดับโลกมาเต้นเพี้ยนๆ แบบนี้ แบบนี้ติดภาพจำกันไปอีกนาน พี่โด้เราไม่ต้องทำอย่างอื่นกันแล้ว
3. Burger king
ปกติแบรนด์นี้ก็ไม่ค่อยทำอะไรแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าทำกันอยู่แล้วล่ะ และส่วนใหญ่ก็จะตบตีกับอีกเจ้าเป็นประจำ เลยขอแชร์แคมเปญนี้ที่เด่นสุด ว่าด้วยเรื่องวันสันติภาพโลก Burger king เล่นใหญ่จัดเต็ม สร้างสินค้าใหม่ขึ้นมา เรียกว่า Mcwhopper โดยเอาชื่อและวัตถุดิบจากทั้ง 2 แบรนด์มารวมกัน แล้วจัดขบวนแห่ยิ่งใหญ่อลังการไปขออนุญาตจาก Mcdonold ให้ช่วยกันขายหน่อยนะ สรุปว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็เลยจ๋อยกลับบ้านกันไป แต่เชื่อเถอะว่าคนจะพูดถึงเรื่องนี้กันอีกนานเลย
การตลาดแบบโจโจ้…ทำได้เลยมั้ย?
คำตอบคืออาจจะไม่ ถ้าคุณยังไม่มี Brand Character และ Brand Image ที่ชัดพอ ตัวอย่างเช่น ข้าวมันไก่หน้าบึ้งเจ้าเดิมอยู่ดีๆ ก็มาเล่นมุก 5 บาท 10 บาท ความขรึม ความขลังหายไปแล้ว ช่วงแรกๆ อาจจะดีคนชอบใจ แต่มันใช่ Character ดั้งเดิมของตัวเองมั้ย พอทำไปเรื่อยๆ ก็เหนื่อย พอเหนื่อยปุ๊บมันก็จะดูปลอม คนเค้าดูออกกันนะครับ ของแบบนี้ต้องอาศัยกระบวนการตั้งคำถามที่ดี ทีมที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และระยะเวลาในการตกผลึกพอสมควร ซึ่งจะเป็นรายละเอียดเชิงลึก สามารถหาอ่านได้จากเล่มนี้ครับ Business as Unusual
สุดท้ายนี้…ขอฝากบทความอื่นๆ ที่ชาว Happio เขียนไว้ด้วยนะครับ
ทีมของเรา
Happio team, Enviro และ Index Creative Village ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ด้านการตลาดไทยและพม่า ให้คำปรึกษาลูกค้ากว่า 10 รายในการค้นคว้าและพัฒนาแผนการตลาด รวมถึง B2B event และ Trade Show ในพม่าอีกมากมาย พร้อมให้คำปรึกษาการตลาดให้คุณ
ขอบคุณข้อมูลจาก