Facebook Group 102 : ทำกำไรแบบเนียนๆ ในกลุ่ม

Posted byHappio Team Posted onJanuary 13, 2019 Comments0
facebook group

Facebook Group ทำกำไรได้มั้ย?

ทำได้แต่เราต้องมั่นใจว่าแฟนเดนตายเราเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้ว (อ่าน Part 1 ก่อนนะ ) แต่ไม่ใช่ว่าอยากขายอะไรก็สักแต่จะขายนะ “เลือกด้วยว่ามันเข้ากับกลุ่มเรามากแค่ไหน”เรื่องเสื้อกลุ่มและสติ๊กเกอร์ไลน์ถือเป็นท่ามาตรฐาน แต่ถ้าเป็นการขายอื่นๆ ล่ะ อะไรเป็นไปได้บ้าง มาเริ่มคิดกันจาก Insight หรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกันเลย

1.Insight ว่าคนกินส่วนใหญ่ชอบขับรถไป

สมาคมคนชอบของอร่อย เปิดจองยางรถสุดพรีเมียมให้ขับตะลอนกินได้ทั้งวันทั้งคืน ไม่ต้องกลัวยางแตก กลัวตัวแตกดีกว่า

2.Insight ว่ากินแล้วอ้วนจนแน่น

“เข็มขัดแชมป์นักกิน” เข็มขัด Limited edition ปรับระยะได้อัตโนมัติตามเส้นรอบพุงของคุณ!!

เหมือนจะขายได้อีกหลายอย่าง แต่ก็มีข้อห้ามในการขายที่เราห้ามไปแตะต้องเด็ดขาดนั่นคือการขายของที่ “ขัดกับแนวคิดของกลุ่ม” เช่น

1.”ยาลดความอ้วน กินแล้วผอมตัวไม่แน่นอีกต่อไป” อ้าวไหนว่าอ้วนไม่กลัวไง

2.”ใช้แอปฯ นี้สิดี บริการส่งอาหารฟรีถึงที่ พร้อมส่วนลดกว่า 50% ทุกเมนู” ถ้าเสน่ห์ของกลุ่มเราคือการได้ออกไปหาของอร่อยๆ กินล่ะก็จบกัน

ระวังให้ดี! บรรดาแกนนำที่พูดอย่างทำอีกอย่าง ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่นะ

 

แล้วแบรนด์ล่ะทำ Facebook Group ได้มั้ย?

ลืมเรื่องยอดขาย/ทำกำไรไปได้เลย ถ้าพร้อมโดนด่าก็ทำซะ มันจะดีกับองค์กรมากถ้ามีถ้าบริโภคพร้อมให้ Negative Feedback และถ้ามั่นใจว่าแบรนด์ของเราพร้อมนำไปปรับปรุงอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบกวนตีนนะ เพราะการที่แบรนด์เห็นคุณค่าของความคิดเห็นผู้บริโภคได้เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นมากๆ

แต่ถ้าดึงดันจะขายให้ได้ อย่าเปิดเผยตัวตน ให้เลือก 1 ในบุคลิกของแบรนด์เราขึ้นมา ตัวอย่างเช่น

1.มาม่าสร้างกลุ่ม “เมนูสิ้นเดือน” แบบไม่มีใครรู้ว่าเป็นมาม่า ให้คนมาแชร์กันว่าทำอะไรกินดีให้ช่วงเงินหมด พอสร้างกลุ่มจนได้แฟนเดนตายมาก็ทำการโปรโมท โปรโมชั่นโดยอ้างว่าเป็นโฆษณาจากมาม่าอีกที

2.หรืออาจจะเป็นการรวมตัวของหลายๆ แบรนด์ เช่น Unilever ก็อาจสร้างกลุ่ม “รวมพลังแม่บ้านหารสอง” แชร์เทคนิคการดูแลบ้านของแต่ละคน พอได้จังหวะก็ปล่อยหน้าม้าเข้าไปบอกว่า “อุ้ย ยี่ห้อนี้ออกใหม่ใช้ดีจังเลย” (ซึ่งมันต้องดีจริงๆ นะ) เพื่อทำการโปรโมทสินค้าใหม่ก็ยังได้

 

ตอบแบบประยุกต์ใช้สมองขึ้นมาหน่อย สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้เลย เช่น

1.สมมติว่า Netflix โดนบ่นเรื่อง Subtitle ว่าแปลตลก อาจจะตั้งกลุ่ม “Netflix กับซับอะไรวะเนี่ย” ขึ้นมา เพื่อรับ Feedback แต่ในขณะเดียวกันแบรนด์ก็เป็นที่พูดถึง และบางทีอาจกลายเป็น Easter egg สำหรับให้คนหาเพื่อเอามาแชร์กันอย่างสนุกสนานได้เช่นกัน

2.สมมติว่า เจ้าของโรงงานขายขยะ เริ่มกำไรหดอยากจะช่วยให้คนแยกขยะเยอะๆ จะได้ขายได้มากขึ้น หาจังหวะเกาะกระแสรักษ์โลก เปิดกลุ่ม “แยกขยะกันเถอะ” ให้คนถามตอบเรื่องขยะที่ถูกต้อง สรุปได้ประโยชน์กันไปแบบ Win-Win

สรุป

1.Facebook Group คือ กลุ่มที่เน้นการสื่อสารระหว่างสมาชิกกับสมาชิก

2.คุณสมบัติของผู้สร้างกลุ่มต้อง “รู้ลึกรู้จริงในเรื่องนั้นๆ”, “ยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างแน่วแน่” และ“มั่นใจว่ามีคนคิดเหมือนกันอยู่จริงๆ”

3.ทำให้คนในกลุ่มสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ได้มากที่สุด หากเป็นไปได้พยายามให้เกิดกิจกรรมในโลก Offline ด้วย

4.ขายของได้แต่ต้องมั่นใจว่าไม่ขัดกับแนวคิดในการตั้งกลุ่ม

5.ถ้าแบรนด์ใหญ่ๆ อยากทำกลุ่ม ให้แสดงออกเป็นบุคคลที่เข้าถึงได้ และอย่าเปิดเผยตัวตน

 

ฝากติดตาม blog อื่นๆใน Happioteam ด้วยครับ
blog.happioteam.com

Facebook Comments
Category