หลังจากใช้เวลาเดินทางราว 6 ชั่วโมงนิดๆ บนรถตู้ จากกรุงเทพก็ถึงอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก สิ่งที่พลาดไม่ได้คืออาหารเช้าอันเลืองชื่ออย่างร้าน “โรตีโอ่ง แม่สอด” ร้านอาหารพื้นเมืองที่เปิดให้บริการแค่ช่วงเช้าตั้งแต่ 05.00 – 09.00 น. เท่านั้น ร้านนี้เป็นร้านที่เรียบง่าย ที่ แม่สอด-เมียวดี เน้นขายอาหารฮาลาล ซึ่งนอกจากโรตีกับนมข้นสดแล้ว ยังมี ไข่ลวก ไข่ต้ม ชา นม กาแฟ ทั้งร้อนเย็นให้เลือกอีกด้วย
แม่สอด-เมียวดี บรรยากาศ
จากนั้นเรามุ่งหน้าไปยังตลาดสดของอำเภอ ซึ่งอยู่ใกล้กับชายเดนไทย-พม่า รูปร่างหน้าตาของตลาดหากไม่ได้สังเกตดีๆ จะไม่เห็นความแตกต่างจากตลาดสดที่อื่นมากนัก นอกจากสินค้าที่เป็นนิยมของชาวพม่า เช่น ทานาคา ก็มีสินค้าซึ่งเป็นของไทยบ้างของพม่าบ้างปะปนกันไป ตามธรรมชาติของเมืองที่มีชายแดนติดกัน รวมถึงแม่ค้า พ่อค้า หรือร้านค้าต่างๆ ที่เจ้าของเป็นต่างเป็นชาวพม่าแท้ๆ ปะปนรวมอยู่กับคนไทยพื้นเมือง
ก่อนเราจะข้ามไปยังประเทศพม่า
หรือชื่อเต็มๆว่า “สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า” หรือ “สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา” เราจำเป็นต้องทำเอกสารขออนุญาตข้ามฝั่งไปพม่าที่สำนักงานออกหนังสือผ่านแผนชั่วคราว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (Temporary Border Pass Office) รอไม่นานนัก ประมาณ 20 นาทีก็ได้เอกสาร แต่จำเป็นต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อประกอบการยื่นคำขอ พร้อมทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 30 บาท (และอีก 20 บาท เมื่อข้ามฝั่งไปประเทศพม่า) ก็เป็นอันเรียบร้อย
การข้ามไปยังประเทศพม่า เราเดินทางผ่านทางด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี (Mae Sod Boundary Post) ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าข้ามแม่น้ำเมยซึ่งเป็นเขตแดนธรรมชาติ ด้วยสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ โดยใช้เวลาราว 10 นาที
ขั้นตอนการผ่านแดนก็ไม่ยุ่งยาก โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ผู้สัญจรไปมา รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจบริเวณนั้นด้วย
สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดในเมืองเมียวดี (Myawaddy) ประเทศพม่า คือ การแต่งตัว ชายชาวพม่านิยมนุ่งโลนจี (ซึ่งจริงๆ แล้วเรียกว่า ปาโซ: Pasoe – เนื่องจาก โลนจี (Longgyi) นั้นไว้เรียกสำหรับโสร่งของผู้หญิง) หรือโสร่งในบ้านเราครับ รวมการขับรถ ที่จะสลับเป็นการขับเลนขวาแทน
หลังจากสำรวจตัวเมืองเมียวดีไปได้สักระยะ เราก็แวะไปทานอาหารกลางวันที่ร้านพื้นถิ่นแถวนั้นกัน แน่นอนว่าโดยทั่วไปนั้นรูปร่างและหน้าตาของอาหารพม่าแปลกตาไปจากที่เราคุ้นเคย รสชาติก็ไม่เหมือนไม่ต่างกันเสียทีเดียวนัก บางเมนูก็คล้ายคลึงกับเมนูไทยของเราอยู่พอสมควร บางเมนูก็เป็นรสที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย
ช่วงหัวค่ำ เราข้ามไปฝั่งไปรับประทานอาหารเย็นที่พม่าอีกครั้ง ครั้งนี้เราอาศัยเรือข้ามฝาก และไม่ต้องขอเอกสารใดๆ อาจจะเป็นเพราะบริการพิเศษเล็กๆ น้อยๆ จากทางเมียวดีคอมเล็กซ์ (Myawaddy Complex) ที่ต้องการส่งเสริมให้คนเข้าไปพักผ่อน รับประทานอาหาร รวมถึงการเสี่ยงโชคกันทั้งไทย จีน พม่า
สำรวจตลาด แม่สอด-เมียวดี
เช้าวันรุ่งขึ้น เราไปแวะไปที่ตลาดริมเมยเพื่อสำรวจตลาด แต่ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่านักท่องเที่ยวนั้นไม่ได้นิยมมาแวะที่ตลาดแห่งนี้มากนัก สังเกตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวในวันนั้น และจากการสอบถาม ตลาดแห่งนี้ไม่ได้คึกคักมาสักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพิษเศรษฐกิจที่เล่นงานกันทุกภาคส่วน
อย่างไรก็ดี พื้นที่ชายแดนอย่างแม่สอด-เมียวดี ก็ยังเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ เหมาะแก่การท่องเที่ยวและการลงทุนรูปแบบใหม่ รวมถึงเพื่อการศึกษาและแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอีกด้วย โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและแปลกใหม่มาก ใครที่อยากลองเปิดมุมมองใหม่ๆ ไม่ควรพลาด
ฝากติดตาม blog อื่นๆใน Happioteam ด้วยครับ
blog.happioteam.com